217553174_362741495369231_5588225402298975001_n.jpg

การเดินทางและแรงบันดาลใจของ J.M.W. Turner ในเทือกเขาแอลป์

Post on 7 March

เมื่อพูดถึงงานจิตรกรรมทิวทัศน์ยุคโรแมนติก แน่นอนว่าชื่อของ ‘โจเซฟ มัลลอร์ด วิลเลียม เทอร์เนอร์ (Joseph Mallord William Turner)’ ศิลปินผู้ทรงอิทธิพลชาวอังกฤษคงจะเป็นชื่อแรก ๆ ที่หลายคนนึกถึง ซึ่งแม้ว่าในช่วงแรกของการทำงานศิลปะ ผลงานของเทอร์เนอร์จะยังเน้นการถ่ายทอดภาพทิวทัศน์หรือเหตุการณ์สำคัญอย่างสมจริงที่สุด แต่เขาก็ค่อย ๆ ลดทอนรายละเอียดของผลงานจิตรกรรมสีน้ำและสีน้ำมันของเขาจนคลี่คลายเหลือเพียงแสงสีและมวลบรรยากาศของทิวทัศน์ที่พร่าเลือน

ไม่เพียงเทคนิคทางศิลปะเท่านั้นที่ทำให้ผลงานของเทอร์เนอร์เป็นที่ยกย่องเหนือกาลเวลา แต่เขายังมักจะถ่ายทอดความยิ่งใหญ่จนน่าพิศวงของธรรมชาติ (Sublime) ผ่านภาพทิวทัศน์ของภูเขาและผืนน้ำ ซึ่งหนึ่งในสถานที่ที่มักจะปรากฏตัวในผลงานของเขาบ่อยที่สุดคงหนีไม่พ้นเทือกเขาแอลป์ในแถบสวิตเซอร์แลนด์

<p>The Rigi, Lake Lucerne, Sunset (1842)</p>

The Rigi, Lake Lucerne, Sunset (1842)

<p>The Lower Glacier, Grindelwald, with the Eiger (1802)</p>

The Lower Glacier, Grindelwald, with the Eiger (1802)

<p>The Blue Rigi, Sunrise (1842)</p>

The Blue Rigi, Sunrise (1842)

ในช่วงปี 1802 ขณะเทอร์เนอร์มีอายุราว 27 ปีและยังเป็นเพียงศิลปินหนุ่มที่ยังไม่ได้มีชื่อเสียงโด่งดังมากนัก เขาเริ่มออกเดินทางไปในทวีปยุโรปทั้งในฝรั่งเศสและสวิตเซอร์แลนด์ ซึ่งตลอดระยะเวลาในสวิตเซอร์แลนด์ เทอร์เนอร์ได้เดินทางผ่านหลายสถานที่ที่เป็นแรงบันดาลใจให้กับผลงานจิตรกรรมของเขาในเวลาถัดมา ตั้งแต่ Bern, Thun, Brienz, Grindelwald, Lucerne ไปจนถึง Devil’s Bridge และ Schöllenen Gorge ซึ่งในการเดินทางครั้งนั้นเองก็ทำให้เขาต้องมนตร์เสน่ห์ความสวยงามและความยิ่งใหญ่ของเทือกเขาแอลป์ที่ในขณะนั้นเป็นเพียงเทือกเขาหิมะที่รกร้างและไร้ประโยชน์ในสายตาชาวยุโรปทั่วไป ซึ่งความหลงใหลของเขาที่มีต่อเทือกเขาแอลป์นั้นก็สามารถเห็นได้จากภาพสเกตช์ในรูปแบบลายเส้นดินสอและสีน้ำที่เขาวาดเก็บไว้จำนวนมาก

<p>The Devil’s Bridge and Schöllenen Gorge (1802)</p>

The Devil’s Bridge and Schöllenen Gorge (1802)

<p>The Schöllenen Gorge from the Devil’s Bridge, Pass of St Gotthard (1802)</p>

The Schöllenen Gorge from the Devil’s Bridge, Pass of St Gotthard (1802)

<p>The Lake of Lucerne from Brunnen (1842)</p>

The Lake of Lucerne from Brunnen (1842)

<p>Brunnen, from the Lake of Lucerne: Sample Study (1843–5)</p>

Brunnen, from the Lake of Lucerne: Sample Study (1843–5)

หลังเขาเดินทางกลับอังกฤษ เขาจึงนำภาพสเกตช์ภูเขาหิมะเหล่านี้ออกมาเป็นต้นแบบในการรังสรรค์ผลงานจิตรกรรมที่ทรงคุณค่าอีกมากมาย ซึ่งผลงานเหล่านี้ก็มีผลอย่างมากในการช่วยผลักดันให้เขาก้าวขึ้นมามีชื่อเสียงโดดเด่นในวงการศิลปะของอังกฤษในขณะนั้น

<p>Geneva, the Jura Mountains and Isle Rousseau, Sunset (1841)</p>

Geneva, the Jura Mountains and Isle Rousseau, Sunset (1841)

<p>Fluelen: Morning (Looking Towards the Lake of Lucerne): Sample Study (c.1844–5)</p>

Fluelen: Morning (Looking Towards the Lake of Lucerne): Sample Study (c.1844–5)

<p>The Pass of St Gotthard, near Faido: Sample Study (c.1842–3)</p>

The Pass of St Gotthard, near Faido: Sample Study (c.1842–3)

<p>The Red Rigi: Sample Study (c.1841–2)</p>

The Red Rigi: Sample Study (c.1841–2)

ไม่เพียงการเดินทางในช่วงวัยรุ่นในครั้งนั้นเท่านั้น แต่ตั้งแต่ช่วงปี 1802-44 เทอร์เนอร์ได้มีการเดินทางเข้าออกสวิตเซอร์แลนด์ไม่ต่ำกว่า 6 ครั้ง และในแต่ละครั้งเขาก็ได้ภาพสเกตช์จำนวนมากติดไม้ติดมือกลับบ้านด้วยตลอด ซึ่งผลงานจิตรกรรมในสวิตเซอร์แลนด์เหล่านี้ก็ไม่ได้มีคุณค่าเพียงการเป็นผลงานคลาสสิคตลอดกาลของเทอร์เนอร์ แต่ยังมีส่วนช่วยผลักดันให้เทือกเขาแอลป์กลายเป็นจุดหมายปลายทางการท่องเที่ยวยอดฮิตของชาวยุโรปที่ต้องการจะไปสัมผัสความสวยงามและยิ่งใหญ่ของเทือกเขาหิมะที่เงียบสงบนี้ด้วยตาตัวเอง

<p>The St Gotthard Road between Amsteg and Wassen, Looking up the Reuss Valley (c. 1814-15)</p>

The St Gotthard Road between Amsteg and Wassen, Looking up the Reuss Valley (c. 1814-15)

<p>A Ravine in the Pass of St Gotthard (1802)</p>

A Ravine in the Pass of St Gotthard (1802)

<p>The Dark Rigi: Sample Study (c.1841–2)</p>

The Dark Rigi: Sample Study (c.1841–2)

รับชมรายการ Self-Quarantour EP. Swiss Dream, Sweet Escape เต็ม ๆ ได้ที่:

อ้างอิง: Turner The Sea and the Alps, Turner and his Alpine paintings are back in Switzerland, Travelling with Turner: Exploring the Swiss Alps in 1802