รู้จัก นิโคลา โบลลา ศิลปินผู้สร้าง ‘เก้าอี้แวนโกะห์’ ที่นักท่องเที่ยวทำพัง

Post on 16 June 2025

เมื่อวันที่ 12 มิถุนายน 2568 เกิดเหตุการณ์ที่ทำให้วงการศิลปะต้องกลับมาพูดถึงเรื่องความเปราะบางของงานศิลป์ร่วมสมัยอีกครั้ง เมื่อนักท่องเที่ยวสองคนเข้าไปที่พิพิธภัณฑ์ Palazzo Maffei ในเมืองเวโรนา ประเทศอิตาลี แล้วแอบปีนขึ้นไปถ่ายเซลฟีบน ‘เก้าอี้แวนโกะห์’" ซึ่งเป็นผลงานของศิลปินชาวอิตาเลียนชื่อ นิโคลา โบลลา (Nicola Bolla) งานศิลปะที่ประดับด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ทั้งตัว

หลังจากเหตุการณ์นี้ วงการศิลปะก็กลับมาให้ความสนใจกับผลงานของโบลลาอีกครั้ง โดยเฉพาะแนวคิด ‘Vanitas’ หรือความไม่จีรังของชีวิต ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญในผลงานของเขา

วันนี้เราไม่ได้จะพูดถึงความเสียหายของเก้าอี้ แต่จะชวนทุกคนไปทำความรู้จัก นิโคลา โบลลา และแนวคิด ‘ศิลปะอันไม่จีรัง’ ของเขา

นิโคลา โบลลา เกิดเมื่อปี ค.ศ. 1963 ที่เมืองซาลุซโซ แคว้นปีเอมอนเต ประเทศอิตาลี ในครอบครัวที่เกี่ยวข้องกับศิลปะโดยตรง พ่อของเขาเป็นจิตรกร ส่วนแม่เป็นนักออกแบบฉาก เขาเริ่มสนใจวาดภาพตั้งแต่เด็ก และในช่วงทศวรรษ 1980 ก็เริ่มวาดภาพอย่างจริงจังควบคู่ไปกับการเรียนแพทย์ โดยเขาเลือกเฉพาะทางด้านจักษุวิทยา (แพทย์รักษาตา)

แม้จะทำงานเป็นแพทย์ โบลลาก็ไม่เคยละทิ้งการเป็นศิลปิน เขามีผลงานที่โดดเด่นมากมาย และเลือกทำงานศิลปะในแบบที่ไม่ขึ้นกับกระแสตลาด เขามองว่าศิลปะเป็นพื้นที่ของการตั้งคำถาม และเล่นกับความขัดแย้ง เช่น ความสวยงามที่ซ่อนความว่างเปล่า วัสดุธรรมดาที่ดูหรูหรา หรือของใช้ทั่วไปที่กลายเป็นของโชว์ที่ใช้การไม่ได้

โบลลาเริ่มใช้คริสตัลสวารอฟสกี้ในงานศิลปะตั้งแต่ช่วงปี 1990 โดยได้รับแรงบันดาลใจจาก 'Wunderkammer' หรือที่เราอาจรู้จักกันในนาม Cabinet of Curiousities ห้องมหัศจรรย์ในยุคบาโรก ที่เก็บของแปลก ๆ ทั้งธรรมชาติ สิ่งประดิษฐ์ และวัตถุล้ำค่าไว้ในที่เดียวกัน

Orpheus’ Dream (2009)

Orpheus’ Dream (2009)

งานของโบลลาไม่ได้ลอกหรือเลียนแบบใคร แต่เขาหยิบเอาสิ่งเก่าๆ มาตีความใหม่ในแบบของตัวเอง เขาเล่นกับความเปรียบต่างระหว่างรูปลักษณ์ภายนอกกับเนื้อหาภายใน ตัวอย่างเช่น ในปี 1997 เขาสร้างผลงานชื่อ Skull ซึ่งเป็นกะโหลกที่ปกคลุมด้วยคริสตัลสวารอฟสกี้ทั้งชิ้น งานนี้ถูกพูดถึงมาก เพราะทำมาก่อนที่ เดเมียน เฮิร์สต์ (Damien Hirst) จะสร้างกะโหลกเพชรชื่อ ‘For the Love of God’ ถึงสิบปี

แต่ต่างจากฮิรส์ตที่เน้นความหรูหราและราคาสูง โบลลามองคริสตัลสวารอฟสกี้เป็นสัญลักษณ์ของ ‘ภาพลวงตา’ ดูเหมือนเพชร แต่ก็ไม่ใช่ มันสะท้อนแสง แต่ไม่มีค่าแท้จริง เปราะบางแต่ดูหรูหรา โบลลาใช้วัสดุชนิดนี้เพื่อตั้งคำถามกับ ‘คุณค่า’ และ ‘ความจริง’ ที่เราคิดว่าเห็น

จากนั้นคริสตัลก็กลายเป็นวัสดุหลักในผลงานของโบลลา ไม่ว่าจะเป็นประติมากรรม งานติดตั้ง หรือวัตถุต่าง ๆ นิโคลา โบลลา ได้แรงบันดาลใจจากแนวศิลปะโบราณที่เรียกว่า ‘แวนิตาส’ (Vanitas) และ ‘เมเมนโต โมริ’ (Memento Mori) ซึ่งเป็นศิลปะที่เตือนให้คนระลึกถึงความไม่แน่นอนของชีวิต ความตายที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ และความไร้ค่าในสิ่งของฟุ่มเฟือยหรือความสุขชั่วคราวในโลกนี้

โบลลานำแนวคิดนี้มาตีความใหม่ให้เข้ากับยุคปัจจุบัน โดยการนำของธรรมดา ๆ อย่างกะโหลกศีรษะ สัตว์ ของใช้ในห้องน้ำ หรือของใช้ประจำวันอื่น ๆ มาเคลือบด้วยคริสตัลสวารอฟสกีที่ระยิบระยับ สร้างความขัดแย้งที่ชวนคิด ของที่ดูสวยงาม หรูหรา แต่จริง ๆ แล้วเป็นแค่ของที่เกี่ยวกับความตาย ความว่างเปล่า และความไม่ยั่งยืน

ผลงานของโบลลาจึงถูกเรียกว่า ‘แวนิตาสป๊อป’ (Pop Vanitas) เพราะพูดกับคนยุคใหม่ได้ดี คนสมัยนี้ชอบอะไรที่ดูสวย ดูแพง แต่กลับไม่อยากเผชิญความจริงเรื่องความตาย โบลลาใช้คริสตัลสวารอฟสกีแทนทองคำหรือเพชรพลอยแบบในภาพวาดแวนิตาสเก่า ๆ เพื่อสะท้อนความหลงใหลในภาพลักษณ์ที่สังคมปัจจุบันมี แต่ก็เตือนว่า สิ่งเหล่านี้ล้วนฉาบฉวย ไม่จีรัง

งานของโบลลาไม่ได้แค่แสดงให้เห็น ‘ความตาย’ ตรง ๆ แต่ยังสื่อถึงการเปลี่ยนแปลงและความไม่ยั่งยืนในสิ่งต่าง ๆ เขาเล่นกับแสง สี เงา และพื้นผิววาววับ ให้คนดูรู้สึกถึงความสวยที่หายไปได้ตลอดเวลา เหมือนกับชีวิต ความงาม หรือความอยาก ที่มีวันเสื่อมสลาย

โบลลามักใช้วิธี ‘ย้ายบริบท’ หรือเปลี่ยนความหมายของของธรรมดา ๆ เช่น โถส้วมหรือไพ่ ให้กลายเป็นงานศิลปะที่น่าฉงนและชวนตั้งคำถาม คล้ายกับศิลปินดังอย่าง มาร์เซล ดูชองป์ ที่เคยใช้โถส้วมเป็นประติมากรรมมาแล้ว ตัวอย่างเช่น ผลงานที่กลายเป็นที่พูดถึงอย่าง ‘เก้าอี้แวนโกะห์’ เพื่อแสดงความเคารพต่อภาพวาดชื่อดังของแวนโกะห์ในปี 1888 โดยภาพต้นฉบับของแวนโกะห์เป็นภาพเก้าอี้ไม้ธรรมดาแบบชนบท ที่ได้รับการยกย่องในแง่ของอารมณ์ความรู้สึกและการใช้สิ่งของธรรมดาอย่างเก้าอี้มาสื่อถึงความโดดเดี่ยว ความคิดสร้างสรรค์ และความงามที่แฝงอยู่ในสิ่งเรียบง่ายในชีวิตประจำวัน

Van Gogh's Chair (1888)

Van Gogh's Chair (1888)

เก้าอี้ Van Gogh โดย นิโคลส โบลลา

เก้าอี้ Van Gogh โดย นิโคลส โบลลา

โบลลาได้ตีความเก้าอี้ธรรมดานี้ใหม่ ด้วยการประดับคริสตัลสวารอฟสกีหลายร้อยชิ้น เปลี่ยนมันให้กลายเป็นงานศิลปะร่วมสมัยที่ส่องประกายระยิบระยับ แต่ยังคงไว้ซึ่งแก่นความหมายเดิมของแวนโกะห์ นั่นคือ ‘เก้าอี้ธรรมดา’ ที่เต็มไปด้วยความหมาย

การตั้งชื่อผลงานตามแวนโกะห์ของโบลลา จึงเป็นทั้งการยกย่องคุณค่าทางประวัติศาสตร์และอารมณ์ของภาพต้นฉบับ และเป็นการเปิดบทสนทนาระหว่างอดีตกับปัจจุบัน ระหว่างความเรียบง่ายกับความหรูหรา และระหว่างเนื้อแท้กับเปลือกนอก เก้าอี้ชิ้นนี้จึงไม่ใช่เพียงแค่การคารวะทางกายภาพเท่านั้น แต่ยังสะท้อนแนวคิดเรื่องคุณค่า ประวัติศาสตร์ศิลปะ และอิทธิพลที่คงอยู่ยาวนานของวิสัยทัศน์จากแวนโกะห์อีกด้วย

อ้างอิง
finestresullarte
photoandcontemporary